ประกาศผลออกมาแล้ว สำหรับ “The 2010 University Web Rankings” หรือเว็บมหาวิทยาลัยยอดนิยม ระดับโลกที่มีการสืบค้นหา เข้าชมมากที่สุดจากตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ผลปรากฏว่า top 200 ระดับโลก มีมหาวิทยาลัยของประเทศไทย ติดอันดับ 4 สถาบัน
ทั้งนี้เว็บไซต์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับการจัดอันดับเป็นเว็บไซต์ยอดนิยมอันดับที่ 20 ของเอเชีย และเป็นอันดับที่ 103 ของโลก จากการจัดอันดับเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัย “The 2010 University Web Rankings”
อันดับเว็บไซต์มหาวิทยาลัยนี้ จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีโดย 4icu.org เว็บไซต์สำหรับการค้นหาและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษาในระดับสูง โดยมีฐานข้อมูลของมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยกว่า 9,200 แห่ง จาก 200 ประเทศทั่วโลก และมีผู้เข้าชมข้อมูลเฉลี่ยวันละ 17,000 คน
การจัดอันดับดังกล่าวพิจารณาจากตัวชี้วัด 3 ประการคือ ความถี่ในการเรียกแสดงหน้าเว็บไซต์ จำนวนการเข้าชม และการเชื่อมต่อมาจากเว็บไซต์อื่น โดยอ้างอิงจากระบบการสืบค้นสากล เช่น google, alexa, yahoo ฯลฯ
มหาวิทยาลัยมหิดล อันดับที่ 29 ของ Asia และอันดับที่ 162 ของโลก
โดยเว็บไซต์มหาวิทยาลัยจากประเทศไทยที่ติด 200 อันดับแรกของโลก ได้แก่
1. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย www.chula.ac.th (อันดับที่ 103)
2. มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ www.ku.ac.th (อันดับที่ 113)
3. มหาวิทยาลัยมหิดล www.mahidol.ac.th (อันดับที่ 162)
4. มหาวิทยาลัยขอนแก่น www.kku.ac.th (อันดับที่ 195)
หากเทียบอันดับเว็บไซต์มหาวิทยาลัยยอดนิยมระดับเอเชีย 100 อันดับแรก ได้แก่
1. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อันดับที่ 20
2. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อันดับที่ 21
3. มหาวิทยาลัยมหิดล อันดับที่ 29
4. มหาวิทยาลัยขอนแก่น อันดับที่ 31
5. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อันดับที่ 40
6. Asian Institute of Technology (AIT) อันดับที่ 86
สำหรับอันดับเว็บไซต์มหาวิทยาลัยยอดนิยมระดับโลกนั้น อันดับ 1-10 ได้แก่
1 Massachusetts Institute of Technology สหรัฐอเมริกา
2 Stanford University สหรัฐอเมริกา
3 Harvard University สหรัฐอเมริกา
4 Universidad Nacional Autónoma de México เม็กซิโก
5 University of California, Berkeley สหรัฐอเมริกา
6 Peking University จีน
7 University of Pennsylvania สหรัฐอเมริกา
8 Cornell University สหรัฐอเมริกา
9 Shanghai Jiao Tong University จีน
10 Yale University สหรัฐอเมริกา
วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2553
วันจันทร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2553
Water & Coke น้ำ กับ โค้ก
ข้อมูลจาก Kampai_Kamphaeng
http://www.oknation.net/blog/superkampai/2010/01/17/entry-4
Water & Coke น้ำ กับ โค้ก
ถ้าท่านรู้เรื่องนี้ ท่านจะดื่มน้ำมากขึ้น เพราะน้ำเป็นส่วนสำคัญของร่างกาย 75%
มีงานวิจัยพบว่าในคน 100 คน ที่ดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว จะช่วยให้คน 80 คนลดอาการปวดหลังปวดข้อลงได้
ดื่มน้ำวันละ 5 แก้วลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งของลำไส้ใหญ่ได้ถึง 45 % มะเร็งเต้านมได้ 79% และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะได้เกือบ 50%
ทีนี้มาลองรู้จักน้ำ โค้ก กันหน่อย แน่นอนโค้กรสชาดยอดเยี่ยม
แต่ตำรวจทางหลวงจะบรรทุกโค้ก 2 แกลลอนในช่องท้ายรถเพื่อเวลามีรถชนกันสามารถเอา ´น้ำโค้ก´ ล้างเลือดบนถนนได้เกลี้ยงเกลา
ุ
ถ้าเอา T-bone steak ใส่ในชามกะละมังที่มีน้ำโค้กเต็ม จะพบว่าจะถูกละลายไปหมดใน2 วัน
ุ
รินโค้ก 1 กระป๋องลงในโถส้วมทิ้งไว้ 1 ชั่วโมงแล้วชักโครกกรดซิตริกในโค้กจะล้างคราบสกปรกในโถส้วมได้สะอาด ถ้าต้องการกัดสนิมที่กันชนชุมโครเมี่ยมของรถ ให้เอาที่ขัดที่ทำด้วย foil ชุบโค้ก ขัดสนิมจะออกหมด
ุ
ถ้าจะล้างทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ที่มีคราบกรดเกลือเกาะขาวๆ ให้เทน้ำโค้ก ฟองจะกัดคราบขาวออกได้หมด ถ้าจุดขวดติดแน่น งัดไม่ออก เอาผ้าชุบน้ำโค้กหุ้มไว้หลายๆ นาที จะบิดจุดขวดออกได้โดยง่าย
ถ้าจะปิ้ง moist ham ให้เทโค้ก 1 กระป๋อง เทลงในกระทะ ห่อแฮมด้วยอะลูมิเนียมฟอล์ยแล้วปิ้ง 30 นาที
ุก่อนแฮมจะสุก แกะฟอล์ยออก ปล่อยให้น้ำเนื้อหยดลงไปผสมกับน้ำโค้กในกระทะ ท่านจะได้น้ำเกรวี่สีน้ำตาล
การล้างคราบไขมันจากเสื้อผ้า ให้ใช้น้ำโค้ก 1 กระป๋อง ผสมกับผงซักฟอกในปริมาณที่จะใส่ในเครื่องซัก
ุ
ปล่อยให้ซักด้วยเครื่องตามปกติ โค้กจะช่วยกำจัดคราบไขมันได้สะอาดหมดจด
ท่านสามารถผสมโค้ก ลงในน้ำล้างกระจกรถยนต์ ฟอสฟอริคแอซิดในโค้ก จะช่วยทำความสะอาดกระจกได้ดีุ
น้ำโค้กมี pH 2.8 ถ้าตัดเล็บแช่ในน้ำโค้ก 4 วัน จะละลายหมด
ุ
เวลาขนย้ายน้ำโค้กเข้มข้นเพื่อส่งตามโรงงานทั่วโลก ที่รถ truck จะต้องติดป้ายไว้ว่า มีวัตถุที่มีกรดกัดกร่อนได้ เป็นอันตราย
ุ
บริษัทขายน้ำโค้ก ใช้น้ำโค้กทำความสะอาดเครื่องยนต์ของรถ truck มานานประมาณ 20 ปีแล้ว
http://www.oknation.net/blog/superkampai/2010/01/17/entry-4
Water & Coke น้ำ กับ โค้ก
ถ้าท่านรู้เรื่องนี้ ท่านจะดื่มน้ำมากขึ้น เพราะน้ำเป็นส่วนสำคัญของร่างกาย 75%
มีงานวิจัยพบว่าในคน 100 คน ที่ดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว จะช่วยให้คน 80 คนลดอาการปวดหลังปวดข้อลงได้
ดื่มน้ำวันละ 5 แก้วลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งของลำไส้ใหญ่ได้ถึง 45 % มะเร็งเต้านมได้ 79% และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะได้เกือบ 50%
ทีนี้มาลองรู้จักน้ำ โค้ก กันหน่อย แน่นอนโค้กรสชาดยอดเยี่ยม
แต่ตำรวจทางหลวงจะบรรทุกโค้ก 2 แกลลอนในช่องท้ายรถเพื่อเวลามีรถชนกันสามารถเอา ´น้ำโค้ก´ ล้างเลือดบนถนนได้เกลี้ยงเกลา
ุ
ถ้าเอา T-bone steak ใส่ในชามกะละมังที่มีน้ำโค้กเต็ม จะพบว่าจะถูกละลายไปหมดใน2 วัน
ุ
รินโค้ก 1 กระป๋องลงในโถส้วมทิ้งไว้ 1 ชั่วโมงแล้วชักโครกกรดซิตริกในโค้กจะล้างคราบสกปรกในโถส้วมได้สะอาด ถ้าต้องการกัดสนิมที่กันชนชุมโครเมี่ยมของรถ ให้เอาที่ขัดที่ทำด้วย foil ชุบโค้ก ขัดสนิมจะออกหมด
ุ
ถ้าจะล้างทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ที่มีคราบกรดเกลือเกาะขาวๆ ให้เทน้ำโค้ก ฟองจะกัดคราบขาวออกได้หมด ถ้าจุดขวดติดแน่น งัดไม่ออก เอาผ้าชุบน้ำโค้กหุ้มไว้หลายๆ นาที จะบิดจุดขวดออกได้โดยง่าย
ถ้าจะปิ้ง moist ham ให้เทโค้ก 1 กระป๋อง เทลงในกระทะ ห่อแฮมด้วยอะลูมิเนียมฟอล์ยแล้วปิ้ง 30 นาที
ุก่อนแฮมจะสุก แกะฟอล์ยออก ปล่อยให้น้ำเนื้อหยดลงไปผสมกับน้ำโค้กในกระทะ ท่านจะได้น้ำเกรวี่สีน้ำตาล
การล้างคราบไขมันจากเสื้อผ้า ให้ใช้น้ำโค้ก 1 กระป๋อง ผสมกับผงซักฟอกในปริมาณที่จะใส่ในเครื่องซัก
ุ
ปล่อยให้ซักด้วยเครื่องตามปกติ โค้กจะช่วยกำจัดคราบไขมันได้สะอาดหมดจด
ท่านสามารถผสมโค้ก ลงในน้ำล้างกระจกรถยนต์ ฟอสฟอริคแอซิดในโค้ก จะช่วยทำความสะอาดกระจกได้ดีุ
น้ำโค้กมี pH 2.8 ถ้าตัดเล็บแช่ในน้ำโค้ก 4 วัน จะละลายหมด
ุ
เวลาขนย้ายน้ำโค้กเข้มข้นเพื่อส่งตามโรงงานทั่วโลก ที่รถ truck จะต้องติดป้ายไว้ว่า มีวัตถุที่มีกรดกัดกร่อนได้ เป็นอันตราย
ุ
บริษัทขายน้ำโค้ก ใช้น้ำโค้กทำความสะอาดเครื่องยนต์ของรถ truck มานานประมาณ 20 ปีแล้ว
วันศุกร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2553
DIY ทำเองได้ หมอนอัจฉริยะจดจำสรีระต้นคอผู้ใช้ด้วยหลอดกาแฟ
ข้อมูลจาก jeypan http://board.kapook.com/viewthread.php?tid=361
อุปกรณ์
1. หลอดสี เพราะจะแข็งแรงทนทาน
2. กรรไกร
3. ปลอกหมอน ตามใจชอบ (แบบมีซิปจะดีมาก หลอดได้ไม่หลุดร่วง)
ผมมีปัญหาเรื่องการนอนไม่หลับ เมื่อยคอเป็นประจำ ไปเดินหาซื้อหมอนที่เหมาะกับตัวก็ไม่ค่อยได้ที่ถูกใจ มีครั้งนึงไปดูที่ห้าง เจอหมอนอัจฉริยะ(ตลกจัง เกิดเป็นหมอนยังฉลาดได้ด้วยเน๊อะ) อ่านดูทำจากยางพิเศษที่ใช้ กับเบาะนักบินอวกาศนาซ่า ลองนอนดู อืมก็ดีนะ คือมันยุบนุ่มแต่ไม่คืนตัวในทันใด
ทำให้รับข้อต่อของกระดูกได้พอดีกับสรีระ แต่แม่เจ้าราคามันใบละสามพันกว่า ซื้อไม่ลงจริงๆ
จนกระทั่งน้องสาวกลับมาจากญี่ปุ่นเล่าให้ฟังว่าที่นั่น เค้ามีหมอนที่ทำจากหลอดกาแฟ เอามาหั่นๆ นอนสบายมากๆเลยอืม...น่าสนสิงานนี้ ไม่ยากนินา บ้านเราหลอดเยอะแยะปัญหาคือใครละจะตัด เรื่องนี้ไม่ยากถ้าเราตั้งใจ
หลอดที่ใช้แนะนำ หลอดสี เพราะจะแข็งแรงทนทาน คืนตัวได้ดีกว่าหลอดใสราคาถูก หลอดสีซื้อได้ที่แมคโครครับ ยกห่อมาเลยแล้วก็ตัดครับ ดูหนัง ดูละคร ดูข่าว ก็นั่งตัด จะมีด หรือกรรไกร ก็ว่ากันไป ยาวซัก 1 cm. ก็พอ แล้วหาปลอกหมอนเลือกที่มีซิปรูดปิด เผื่อเติม เผื่อเอาออก ถ้ามันสูงไป
เสร็จแล้วครับ ใบใหญ่ นอนกันสองคนเลย (เทียบขนาดกับ PDA) หลักการทำงาน ก็คือ หลอดกาแฟเมื่อมันรวมตัวกันมากๆ จะ กลายเป็นช่องว่างอากาศอย่างดี เมื่อถูกกดทับ จะยุบตัว และไม่มีการพองกลับในทันใด เวลาเรานอนแล้วขยับ จะรู้เลยว่ามันพอดีกับต้นคอ คล้ายๆกับการปั้มป์กุญแจบนก้อนดินน้ำมัน
มันจะทิ้งร่องรอยกระดูกไว้ แถมไม่มีใยนุ่น เป็นที่อาศัยของไรฝุ่นอาการภูมิแพ้ของผมจึงดีขึ้นไปด้วยครับ
ใช้มาตั้งแต่ต้นปีใหม่ คอนเฟริ์มว่า DIYนี้ใช้ได้จริงครับ
(ผลงานทั้งหมด เครดิตคุณ Nong_i และครอบครัวเธอครับนั่งตัดให้ผม จนซาบซึ้งใจมาถึงวันนี้)
DIY ทำเองได้ หมอนอัจฉริยะจดจำสรีระต้นคอผู้ใช้ด้วยหลอดกาแฟ
อุปกรณ์
1. หลอดสี เพราะจะแข็งแรงทนทาน
2. กรรไกร
3. ปลอกหมอน ตามใจชอบ (แบบมีซิปจะดีมาก หลอดได้ไม่หลุดร่วง)
ผมมีปัญหาเรื่องการนอนไม่หลับ เมื่อยคอเป็นประจำ ไปเดินหาซื้อหมอนที่เหมาะกับตัวก็ไม่ค่อยได้ที่ถูกใจ มีครั้งนึงไปดูที่ห้าง เจอหมอนอัจฉริยะ(ตลกจัง เกิดเป็นหมอนยังฉลาดได้ด้วยเน๊อะ) อ่านดูทำจากยางพิเศษที่ใช้ กับเบาะนักบินอวกาศนาซ่า ลองนอนดู อืมก็ดีนะ คือมันยุบนุ่มแต่ไม่คืนตัวในทันใด
ทำให้รับข้อต่อของกระดูกได้พอดีกับสรีระ แต่แม่เจ้าราคามันใบละสามพันกว่า ซื้อไม่ลงจริงๆ
จนกระทั่งน้องสาวกลับมาจากญี่ปุ่นเล่าให้ฟังว่าที่นั่น เค้ามีหมอนที่ทำจากหลอดกาแฟ เอามาหั่นๆ นอนสบายมากๆเลยอืม...น่าสนสิงานนี้ ไม่ยากนินา บ้านเราหลอดเยอะแยะปัญหาคือใครละจะตัด เรื่องนี้ไม่ยากถ้าเราตั้งใจ
หลอดที่ใช้แนะนำ หลอดสี เพราะจะแข็งแรงทนทาน คืนตัวได้ดีกว่าหลอดใสราคาถูก หลอดสีซื้อได้ที่แมคโครครับ ยกห่อมาเลยแล้วก็ตัดครับ ดูหนัง ดูละคร ดูข่าว ก็นั่งตัด จะมีด หรือกรรไกร ก็ว่ากันไป ยาวซัก 1 cm. ก็พอ แล้วหาปลอกหมอนเลือกที่มีซิปรูดปิด เผื่อเติม เผื่อเอาออก ถ้ามันสูงไป
เสร็จแล้วครับ ใบใหญ่ นอนกันสองคนเลย (เทียบขนาดกับ PDA) หลักการทำงาน ก็คือ หลอดกาแฟเมื่อมันรวมตัวกันมากๆ จะ กลายเป็นช่องว่างอากาศอย่างดี เมื่อถูกกดทับ จะยุบตัว และไม่มีการพองกลับในทันใด เวลาเรานอนแล้วขยับ จะรู้เลยว่ามันพอดีกับต้นคอ คล้ายๆกับการปั้มป์กุญแจบนก้อนดินน้ำมัน
มันจะทิ้งร่องรอยกระดูกไว้ แถมไม่มีใยนุ่น เป็นที่อาศัยของไรฝุ่นอาการภูมิแพ้ของผมจึงดีขึ้นไปด้วยครับ
ใช้มาตั้งแต่ต้นปีใหม่ คอนเฟริ์มว่า DIYนี้ใช้ได้จริงครับ
(ผลงานทั้งหมด เครดิตคุณ Nong_i และครอบครัวเธอครับนั่งตัดให้ผม จนซาบซึ้งใจมาถึงวันนี้)
DIY ทำเองได้ หมอนอัจฉริยะจดจำสรีระต้นคอผู้ใช้ด้วยหลอดกาแฟ
วันพุธที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2553
เพื่อนบ้านที่แสนดี
ไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องจริงหรือแต่ง แต่อ่านแล้วรู้สึกดีจัง ขอบคุณเจ้าของเรื่องครับ...
http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/B8700117/B8700117.html
นึกถึงวันที่เอาเงิน 1 แสนบาท ไปคืน... ขอบคุณมากครับคุณลุง..อย่าเสียใจไปเลยครับ
.....................ย้ายมาอยู่ที่นี่ได้หลายปี เพื่อนบ้านก็ดี มีน้ำใจ ข้างบ้านรั้วติดกัน มีคุณลุงคนหนึ่ง
เป็นข้าราชการบำนาญ เกษียณมาหลายปีแล้ว ภรรยาเสีย ตั้งแต่เรายังไม่ย้ายเข้ามา ลูกๆทั้ง 3 คน
ต่างก็แต่งงาน มีครอบครับ ไปอยู่ที่จังหวัดอื่นๆ กันหมด ..ลุงแกก็อยู่บ้านคนเดียว มาเกือบ 10 ปี
เราได้รู้จักลุง ก็ได้เห็นในน้ำใจไมตรี เป็นคนใจดี อบอุ่น น่ารัก ..มีโรคประจำตัวตามประสาคนแก่
คือเบาหวาน ความดัน และเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ ไปตามปกติ...
ด้วยความที่อยู่บ้านคนเดียว บางครั้งเจ็บป่วย ก็ลำบากหน่อย เพราะไม่มีลูกหลาน คอยช่วยเหลือ
ช่วงเวลาหลายปี ที่ผ่านมา เราก็ได้มีโอกาสได้ช่วยเหลือ พาไปหาหมอ พาไปทำธุรต่างๆ และถ้า
ป่วยหนัก ถึงขั้นต้องนอนโรงพยาบาล ก็จะช่วยโทรตามลูกๆ ของแกให้..
..............................ลูกๆ ก็จะมาเยี่ยมบ้าง ไม่มาบ้าง แล้วแต่โอกาส เรารู้ว่า คุณลุงเหงา.....
.......บ่อยครั้งที่คุณลุงจะบ่นถึงคุณป้า ซึ่งเราไม่เคยเจอตัวจริง ได้เห็นแต่ในรูป เพราะท่านเสียไป
หลายปีแล้ว ก่อนที่เราจะได้ย้ายมาอยู่ที่นี่...
.. ช่วงเทศกาล ปีใหม่ สงกรานต์ เมื่อบ้านอื่นๆ เขามีลูกๆ มาเยี่ยม เราเห็นคุณลุงนั่งเหงาเพียงลำพัง
เราก็ซื้อของขวัญ ของกิน ของใช้ บางครั้งก็เป็นพวก ผลไม้บ้าง เครื่องดื่มบ้าง ไปไหว้ ...ลุงก็ดีใจ
ให้ศิลให้พร กันยกใหญ่ ...แล้วก็บ่น รำพึง รำพัน ถึงลูกๆ ......น้ำตาไหล นั่งมองแต่ประตูหน้าบ้าน
รอว่าเมื่อไร จะมีรถของลูกๆ กลับมาเยี่ยมบ้าง ...
................................หลายปีมานี้ คุณลุงก็ได้แต่รอ...เราก็ได้แค่ปลอบ ว่าลูกๆ เขาคงติดธุระ
วันไหนเขาว่าง ก็คงมาเยี่ยม ไม่ต้องคิดมาก เสียสุขภาพไปเปล่าๆ...
............ที่หลังบ้านคุณลุง มีต้นมะม่วงพันธุ์ดีอยู่หลายต้น มีต้นหนึ่งที่ลูกโต หวานอร่อยเป็นพิเศษ
เราไปช่วยลุงเก็บเป็นประจำ และคุณลุงก็จะแบ่งมาให้ทุกครั้ง.......ลุงจะคัดลูกสวยๆ เก็บใส่กล่อง
ดูแลเป็นพิเศษ...เก็บไว้รอลูกๆ อยากให้ลูกได้กินของดีๆ .......หลายครั้งหลายหน เราเห็นคุณลุง
รอลูกๆ จนมะม่วงเน่าเสียไป ไม่รู้กี่หน ต่อกี่หน ...
..............................หลายปีมานี้ ก็ไม่เคยเห็นลูกๆ กลับมากินมะม่วงที่พ่อบ่มไว้ แม้แต่ครั้งเดียว
........มีที่แปลงหนึ่ง ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ คุณลุงบอกว่าอยากขาย ให้เราช่วยดำเนินการให้หน่อย
เราก็เขียนป้ายไปติด แล้วลงประกาศให้ ...5 เดือน เศษๆ หลังจากประกาศขาย ในที่สุดก็มีผู้สนใจ
และก็ขายได้ในที่สุด ในราคา 1 ล้านบาท ...
เมื่อได้เงินมา สิ่งแรกที่คุณลุงพูดถึงคือ...คิดถึงลูกๆ ถ้ารู้ว่าพ่อขายที่ได้คงดีใจ ลุงบอกว่าจะแบ่งเงิน
ให้ลูกทั้ง 3 คน เท่าๆ กัน ...
.วันรุ่งขึ้น ลุงก็มาหาเราแต่เช้า บอกว่าวันนี้ ขอแรงหน่อย ช่วยพาลุงไปธนาคารที จะไปโอนเงินให้ลูก
เราก็พาไป วันนั้นเป็นลูกค้ารายแรกของธนาคาร...คุณลุงโอนเงิน ให้ลูกคนละ 3 แสนบาท ...
..........เมื่อกลับมา...จอดรถส่งลุง หน้าบ้าน...ก่อนลงจากรถ คุณลุงหยิบเงิน ในกระเป๋า 1 แสนบาท
ยื่นส่งให้ บอกว่า..เอานี่ ลุงให้...............เรารีบปฏิเสธ บอกว่า ไม่เป็นไรหรอกครับลุง ไม่ต้องให้ผม
ลุงเก็บไว้ใช้เถอะ ให้ลูกๆ ไปเกือบหมดแล้ว ...
.......................................ลุงบอกว่า เอาไปเถอะ ลุงได้รับบำนาญทุกเดือน ไม่ได้เดือดร้อนอะไร
ที่แปลงนี้ที่ขายได้ ก็เพราะเรา ต้องรับโทรศัพท์ และพาคนไปดูที่ หลายเดือนมานี้ ไม่รู้ขับรถไป-กลับ
กี่รอบแล้ว และอีกอย่าง ตลอดเวลาที่ผ่านมา ลุงก็ได้แต่รบกวน ไม่เคยได้ให้อะไร ตอบแทนบ้างเลย
พ่อหนุ่ม ไม่ใช่ลูก ไม่ใช่หลาน แต่ก็ยังอุตส่าห์ เสียเวลา เป็นธุระจัดการเรื่องราวให้ สารพัด............
.....................รับไว้เถอะ ลุงอยากให้จริงๆ ถ้าไม่รับลุงจะเสียใจนะ......เราก็ไหว้ ขอบคุณครับลุง
..........กลับมานอนคิด ไตร่ตรอง รู้สึกไม่สบายใจ ดึกๆ จึงหยิบเงินไปหาลุงอีกรอบ...แต่ลุงไม่รับคืน
และยืนยันว่า ตั้งใจจะให้เราจริงๆ....
.......................อีก 2 วันถัดมา มีรถยนต์ มาจอดที่บ้านลุง ลูกสองคน คนเล็ก และคนกลางมาเยี่ยม
และทวงถามเราถึงเงิน 1 แสนบาท พูดจาประมาณว่า...เราไปหลอกเอาเงินคนแก่ เรารีบเข้าไปในบ้าน
หยิบเงิน 1 แสน เดินไปที่บ้านลุง แล้วคืนเงินให้ลุง...
....ลุงปฏิเสธ และพยายามอธิบายให้ลูกๆ ฟัง แต่ทั้งสองคนไม่ยอม เราจึงวางเงินไว้ แล้วเดินออกมา
ก่อนตะวันตกดิน ได้ยินเสียงรถขับออกไป .....
..........................สักพักลุงก็มาหา เล่าว่าสองคนนั้นแบ่งเงินกันคนละ 5 หมื่นแล้วก็ลากลับไปแล้ว
คุณลุงกล่าวคำขอโทษอย่างที่สุด ..ลุงน้ำตาไหล บอกว่าเสียใจ ไม่คิดว่าลูกๆ จะเป็นไปถึงขนาดนี้...
ลุงบอกว่าจะเอาเงินบำนาญที่ได้รับทุกเดือน มาทยอยคืนให้ จนกว่าจะครบ 1 แสนบาท...
...........................................................เราบอกว่าไม่เป็นไรหรอกครับลุง ไม่ต้องทำอย่างนั้น..
.............................................อีก 3 วัน เกือบๆ เที่ยงคืน ลุงมาที่บ้าน พร้อมกับลูกชายคนโต
เมื่อ 3 วันที่แล้ว พ่อโทรฯไปเล่าเรื่องให้ฟัง พี่ก็ไม่สบายใจ.. พอดีที่ทำงานส่งไปสัมมนา หลายวัน
ออกมาไม่ได้ พอเสร็จธุระ ก็รีบขับรถมาเลย มาถึงซะดึก..
....พี่ต้องขอโทษ แทนน้องๆ สองคนด้วย เสียมารยาทจริงๆ เดี๋ยวต้องคุยกันเป็นเรื่องเป็นราวสักครั้ง
อายุก็มากแล้ว แต่ก็ไม่รู้จักโต แย่จริงๆ...เอาอย่างนี้ ขอเลขบัญชีธนาคารให้พี่ได้ไหม เดี๋ยวกลับไป
พี่จะรีบโอนเงินมาคืนให้.............. ไม่ต้องหรอกครับ ไม่เป็นไร ...เราปฏิเสธไป...
....วันถัดมาเมื่อลูกชายคนโตกลับไป ลุงเล่าให้ฟังด้วยความดีใจ เจ้าใหญ่มันบอกว่า วางแผนไว้แล้ว
อีก 5 ปี จะย้ายมาทำงานที่บ้าน จะพาลูกมาเมียมาอยู่ที่นี่...เราสังเกตุเห็นแววตาอันสดใส ของคุณลุง
บ่งบอกถึงความ ปิติ ยินดี อย่างที่สุด.......ดีใจด้วยครับลุง ต่อไปลุงจะได้ไม่เหงาแล้ว...
................ตั้งแต่วันนั้น จนถึงวันนี้ เกือบ 4 ปี แล้วซินะ ที่ลุงนับวันรอ ว่าจะมีลูกๆ กลับมาอยู่ด้วย
เราเห็นปฏิทิน ที่คุณลุงขีดฆ่า วันแล้ววันเล่า ...เดือนแล้วเดือนเล่า..ปีแล้วปีเล่า...และสุดท้าย........
.............................................................. ลุงน่าจะอดทนรออีกนิด ..อีกนิดเดียวเองครับลุง..
............ในห้อง ไอซียู เรากับพี่ใหญ่ นั่งอยู่คนละข้างเตียงคนไข้.......ช่วงเวลา สุดท้ายของชีวิต
คุณลุงขยับนิ้วมือ เรากับพี่ใหญ่เอื้อมมือไปจับมือลุง ...ดวงตาค่อยๆ ปิดลงช้าๆ
......................................................................................คุณลุงจากไปด้วยอาการสงบ..
*** หลังงานศพ เสร็จสิ้น...
...........................ค่ำคืนนั้น พี่ใหญ่มาหาเราที่บ้าน ยื่นถุงกระดาษส่งให้ บอกว่า -- พ่อฝากไว้ให้
พ่อกำชับไว้ตั้งแต่ก่อนตาย ว่าต้องให้เรารับไว้ ไม่งั้นพ่อจะนอนตายตาไม่หลับ...
เราแกะถุงเปิดดูข้างใน มีซองจดหมายทั้งหมด 10 ซอง...
............................................. จ่าหน้าว่า... คืนเงินเดือนที่ 1-2-3...ไปจนถึง คืนเงินเดือนที่ 10
ในแต่ละซอง ข้างในมีธนบัตรใบละ 1,000 บาท สิบใบ.....................ซองสุดท้าย มีข้อความ...ว่า
ถึง...
......หลานที่ไม่ใช่สายเลือด แต่ก็เป็นหลานที่ดีกับลุงเหลือเกิน ...ลุงคืนเงินให้ตามที่เคยสัญญา .....
...ขอบคุณที่ช่วยเหลือ เป็นธุระให้ ในทุกๆเรื่อง และเป็นเพื่อนคนแก่มาตลอด...
....................................................................................ป้ามารอลุงแล้ว...ลุงต้องไปก่อน.
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
.....อีก 2 วันถัดมาที่บ้านคุณลุง มีคนเข้ามาทำความสะอาด...เราสังเกตุเห็นปฏิทิน ที่คุณลุงใช้ขีดฆ่า
เพื่อนับวันรอลูกๆ ...ถูกทิ้งอยู่ในถังขยะหน้าบ้าน ....
-------- เดินไปที่ถังขยะหน้าบ้านลุง มองไปที่ประตู มีป้ายประกาศติดไว้.....ขายบ้าน ด่วน ! --------
........................เราไปเก็บปฏิทินมาทำความสะอาด ..นึกถึงภาพคนแก่ ที่หยิบดินสอขีดฆ่าตัวเลข
บนปฏิทิน ด้วยอาการมือสั่นเทา ...
..........................ลูกๆ คงไม่รู้หรอกว่า ภายใต้ปฏิทินเก่าๆ ไร้ค่าใบนี้ ..มันซ่อนความห่วงหาอาลัย
ซ่อนความเงียบเหงา ว้าเหว่ ..ซ่อนความเจ็บปวด ร้าวลึก ของคนแก่คนหนึ่ง ที่ต้องใช้ชีวิต อยู่อย่าง
โดดเดียว เพียงลำพัง มานานกว่า 10 ปี ...
.......................................................เราตั้งใจจะเก็บปฏิทินนี้ไว้ เพื่อเป็นที่ระลึก...ตลอดไป...
*** .............ขอให้บุญกุศล และคุณงามความดี ทั้งหลายทั้งปวง ที่คุณลุงได้สั่งสมมาตลอดชั่วชีวิต
จงนำพาดวงวิญญาณอันบริสุทธิ์ของคุณลุง ไปสู่สุคติ..ในดินแดน อันสงบ ร่มเย็น .....................
........................................................................................................ ชั่วนิรันดร์.......
.......รักคุณลุงครับ
จากคุณ : ไว้อาลัย
http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/B8700117/B8700117.html
นึกถึงวันที่เอาเงิน 1 แสนบาท ไปคืน... ขอบคุณมากครับคุณลุง..อย่าเสียใจไปเลยครับ
.....................ย้ายมาอยู่ที่นี่ได้หลายปี เพื่อนบ้านก็ดี มีน้ำใจ ข้างบ้านรั้วติดกัน มีคุณลุงคนหนึ่ง
เป็นข้าราชการบำนาญ เกษียณมาหลายปีแล้ว ภรรยาเสีย ตั้งแต่เรายังไม่ย้ายเข้ามา ลูกๆทั้ง 3 คน
ต่างก็แต่งงาน มีครอบครับ ไปอยู่ที่จังหวัดอื่นๆ กันหมด ..ลุงแกก็อยู่บ้านคนเดียว มาเกือบ 10 ปี
เราได้รู้จักลุง ก็ได้เห็นในน้ำใจไมตรี เป็นคนใจดี อบอุ่น น่ารัก ..มีโรคประจำตัวตามประสาคนแก่
คือเบาหวาน ความดัน และเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ ไปตามปกติ...
ด้วยความที่อยู่บ้านคนเดียว บางครั้งเจ็บป่วย ก็ลำบากหน่อย เพราะไม่มีลูกหลาน คอยช่วยเหลือ
ช่วงเวลาหลายปี ที่ผ่านมา เราก็ได้มีโอกาสได้ช่วยเหลือ พาไปหาหมอ พาไปทำธุรต่างๆ และถ้า
ป่วยหนัก ถึงขั้นต้องนอนโรงพยาบาล ก็จะช่วยโทรตามลูกๆ ของแกให้..
..............................ลูกๆ ก็จะมาเยี่ยมบ้าง ไม่มาบ้าง แล้วแต่โอกาส เรารู้ว่า คุณลุงเหงา.....
.......บ่อยครั้งที่คุณลุงจะบ่นถึงคุณป้า ซึ่งเราไม่เคยเจอตัวจริง ได้เห็นแต่ในรูป เพราะท่านเสียไป
หลายปีแล้ว ก่อนที่เราจะได้ย้ายมาอยู่ที่นี่...
.. ช่วงเทศกาล ปีใหม่ สงกรานต์ เมื่อบ้านอื่นๆ เขามีลูกๆ มาเยี่ยม เราเห็นคุณลุงนั่งเหงาเพียงลำพัง
เราก็ซื้อของขวัญ ของกิน ของใช้ บางครั้งก็เป็นพวก ผลไม้บ้าง เครื่องดื่มบ้าง ไปไหว้ ...ลุงก็ดีใจ
ให้ศิลให้พร กันยกใหญ่ ...แล้วก็บ่น รำพึง รำพัน ถึงลูกๆ ......น้ำตาไหล นั่งมองแต่ประตูหน้าบ้าน
รอว่าเมื่อไร จะมีรถของลูกๆ กลับมาเยี่ยมบ้าง ...
................................หลายปีมานี้ คุณลุงก็ได้แต่รอ...เราก็ได้แค่ปลอบ ว่าลูกๆ เขาคงติดธุระ
วันไหนเขาว่าง ก็คงมาเยี่ยม ไม่ต้องคิดมาก เสียสุขภาพไปเปล่าๆ...
............ที่หลังบ้านคุณลุง มีต้นมะม่วงพันธุ์ดีอยู่หลายต้น มีต้นหนึ่งที่ลูกโต หวานอร่อยเป็นพิเศษ
เราไปช่วยลุงเก็บเป็นประจำ และคุณลุงก็จะแบ่งมาให้ทุกครั้ง.......ลุงจะคัดลูกสวยๆ เก็บใส่กล่อง
ดูแลเป็นพิเศษ...เก็บไว้รอลูกๆ อยากให้ลูกได้กินของดีๆ .......หลายครั้งหลายหน เราเห็นคุณลุง
รอลูกๆ จนมะม่วงเน่าเสียไป ไม่รู้กี่หน ต่อกี่หน ...
..............................หลายปีมานี้ ก็ไม่เคยเห็นลูกๆ กลับมากินมะม่วงที่พ่อบ่มไว้ แม้แต่ครั้งเดียว
........มีที่แปลงหนึ่ง ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ คุณลุงบอกว่าอยากขาย ให้เราช่วยดำเนินการให้หน่อย
เราก็เขียนป้ายไปติด แล้วลงประกาศให้ ...5 เดือน เศษๆ หลังจากประกาศขาย ในที่สุดก็มีผู้สนใจ
และก็ขายได้ในที่สุด ในราคา 1 ล้านบาท ...
เมื่อได้เงินมา สิ่งแรกที่คุณลุงพูดถึงคือ...คิดถึงลูกๆ ถ้ารู้ว่าพ่อขายที่ได้คงดีใจ ลุงบอกว่าจะแบ่งเงิน
ให้ลูกทั้ง 3 คน เท่าๆ กัน ...
.วันรุ่งขึ้น ลุงก็มาหาเราแต่เช้า บอกว่าวันนี้ ขอแรงหน่อย ช่วยพาลุงไปธนาคารที จะไปโอนเงินให้ลูก
เราก็พาไป วันนั้นเป็นลูกค้ารายแรกของธนาคาร...คุณลุงโอนเงิน ให้ลูกคนละ 3 แสนบาท ...
..........เมื่อกลับมา...จอดรถส่งลุง หน้าบ้าน...ก่อนลงจากรถ คุณลุงหยิบเงิน ในกระเป๋า 1 แสนบาท
ยื่นส่งให้ บอกว่า..เอานี่ ลุงให้...............เรารีบปฏิเสธ บอกว่า ไม่เป็นไรหรอกครับลุง ไม่ต้องให้ผม
ลุงเก็บไว้ใช้เถอะ ให้ลูกๆ ไปเกือบหมดแล้ว ...
.......................................ลุงบอกว่า เอาไปเถอะ ลุงได้รับบำนาญทุกเดือน ไม่ได้เดือดร้อนอะไร
ที่แปลงนี้ที่ขายได้ ก็เพราะเรา ต้องรับโทรศัพท์ และพาคนไปดูที่ หลายเดือนมานี้ ไม่รู้ขับรถไป-กลับ
กี่รอบแล้ว และอีกอย่าง ตลอดเวลาที่ผ่านมา ลุงก็ได้แต่รบกวน ไม่เคยได้ให้อะไร ตอบแทนบ้างเลย
พ่อหนุ่ม ไม่ใช่ลูก ไม่ใช่หลาน แต่ก็ยังอุตส่าห์ เสียเวลา เป็นธุระจัดการเรื่องราวให้ สารพัด............
.....................รับไว้เถอะ ลุงอยากให้จริงๆ ถ้าไม่รับลุงจะเสียใจนะ......เราก็ไหว้ ขอบคุณครับลุง
..........กลับมานอนคิด ไตร่ตรอง รู้สึกไม่สบายใจ ดึกๆ จึงหยิบเงินไปหาลุงอีกรอบ...แต่ลุงไม่รับคืน
และยืนยันว่า ตั้งใจจะให้เราจริงๆ....
.......................อีก 2 วันถัดมา มีรถยนต์ มาจอดที่บ้านลุง ลูกสองคน คนเล็ก และคนกลางมาเยี่ยม
และทวงถามเราถึงเงิน 1 แสนบาท พูดจาประมาณว่า...เราไปหลอกเอาเงินคนแก่ เรารีบเข้าไปในบ้าน
หยิบเงิน 1 แสน เดินไปที่บ้านลุง แล้วคืนเงินให้ลุง...
....ลุงปฏิเสธ และพยายามอธิบายให้ลูกๆ ฟัง แต่ทั้งสองคนไม่ยอม เราจึงวางเงินไว้ แล้วเดินออกมา
ก่อนตะวันตกดิน ได้ยินเสียงรถขับออกไป .....
..........................สักพักลุงก็มาหา เล่าว่าสองคนนั้นแบ่งเงินกันคนละ 5 หมื่นแล้วก็ลากลับไปแล้ว
คุณลุงกล่าวคำขอโทษอย่างที่สุด ..ลุงน้ำตาไหล บอกว่าเสียใจ ไม่คิดว่าลูกๆ จะเป็นไปถึงขนาดนี้...
ลุงบอกว่าจะเอาเงินบำนาญที่ได้รับทุกเดือน มาทยอยคืนให้ จนกว่าจะครบ 1 แสนบาท...
...........................................................เราบอกว่าไม่เป็นไรหรอกครับลุง ไม่ต้องทำอย่างนั้น..
.............................................อีก 3 วัน เกือบๆ เที่ยงคืน ลุงมาที่บ้าน พร้อมกับลูกชายคนโต
เมื่อ 3 วันที่แล้ว พ่อโทรฯไปเล่าเรื่องให้ฟัง พี่ก็ไม่สบายใจ.. พอดีที่ทำงานส่งไปสัมมนา หลายวัน
ออกมาไม่ได้ พอเสร็จธุระ ก็รีบขับรถมาเลย มาถึงซะดึก..
....พี่ต้องขอโทษ แทนน้องๆ สองคนด้วย เสียมารยาทจริงๆ เดี๋ยวต้องคุยกันเป็นเรื่องเป็นราวสักครั้ง
อายุก็มากแล้ว แต่ก็ไม่รู้จักโต แย่จริงๆ...เอาอย่างนี้ ขอเลขบัญชีธนาคารให้พี่ได้ไหม เดี๋ยวกลับไป
พี่จะรีบโอนเงินมาคืนให้.............. ไม่ต้องหรอกครับ ไม่เป็นไร ...เราปฏิเสธไป...
....วันถัดมาเมื่อลูกชายคนโตกลับไป ลุงเล่าให้ฟังด้วยความดีใจ เจ้าใหญ่มันบอกว่า วางแผนไว้แล้ว
อีก 5 ปี จะย้ายมาทำงานที่บ้าน จะพาลูกมาเมียมาอยู่ที่นี่...เราสังเกตุเห็นแววตาอันสดใส ของคุณลุง
บ่งบอกถึงความ ปิติ ยินดี อย่างที่สุด.......ดีใจด้วยครับลุง ต่อไปลุงจะได้ไม่เหงาแล้ว...
................ตั้งแต่วันนั้น จนถึงวันนี้ เกือบ 4 ปี แล้วซินะ ที่ลุงนับวันรอ ว่าจะมีลูกๆ กลับมาอยู่ด้วย
เราเห็นปฏิทิน ที่คุณลุงขีดฆ่า วันแล้ววันเล่า ...เดือนแล้วเดือนเล่า..ปีแล้วปีเล่า...และสุดท้าย........
.............................................................. ลุงน่าจะอดทนรออีกนิด ..อีกนิดเดียวเองครับลุง..
............ในห้อง ไอซียู เรากับพี่ใหญ่ นั่งอยู่คนละข้างเตียงคนไข้.......ช่วงเวลา สุดท้ายของชีวิต
คุณลุงขยับนิ้วมือ เรากับพี่ใหญ่เอื้อมมือไปจับมือลุง ...ดวงตาค่อยๆ ปิดลงช้าๆ
......................................................................................คุณลุงจากไปด้วยอาการสงบ..
*** หลังงานศพ เสร็จสิ้น...
...........................ค่ำคืนนั้น พี่ใหญ่มาหาเราที่บ้าน ยื่นถุงกระดาษส่งให้ บอกว่า -- พ่อฝากไว้ให้
พ่อกำชับไว้ตั้งแต่ก่อนตาย ว่าต้องให้เรารับไว้ ไม่งั้นพ่อจะนอนตายตาไม่หลับ...
เราแกะถุงเปิดดูข้างใน มีซองจดหมายทั้งหมด 10 ซอง...
............................................. จ่าหน้าว่า... คืนเงินเดือนที่ 1-2-3...ไปจนถึง คืนเงินเดือนที่ 10
ในแต่ละซอง ข้างในมีธนบัตรใบละ 1,000 บาท สิบใบ.....................ซองสุดท้าย มีข้อความ...ว่า
ถึง...
......หลานที่ไม่ใช่สายเลือด แต่ก็เป็นหลานที่ดีกับลุงเหลือเกิน ...ลุงคืนเงินให้ตามที่เคยสัญญา .....
...ขอบคุณที่ช่วยเหลือ เป็นธุระให้ ในทุกๆเรื่อง และเป็นเพื่อนคนแก่มาตลอด...
....................................................................................ป้ามารอลุงแล้ว...ลุงต้องไปก่อน.
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
.....อีก 2 วันถัดมาที่บ้านคุณลุง มีคนเข้ามาทำความสะอาด...เราสังเกตุเห็นปฏิทิน ที่คุณลุงใช้ขีดฆ่า
เพื่อนับวันรอลูกๆ ...ถูกทิ้งอยู่ในถังขยะหน้าบ้าน ....
-------- เดินไปที่ถังขยะหน้าบ้านลุง มองไปที่ประตู มีป้ายประกาศติดไว้.....ขายบ้าน ด่วน ! --------
........................เราไปเก็บปฏิทินมาทำความสะอาด ..นึกถึงภาพคนแก่ ที่หยิบดินสอขีดฆ่าตัวเลข
บนปฏิทิน ด้วยอาการมือสั่นเทา ...
..........................ลูกๆ คงไม่รู้หรอกว่า ภายใต้ปฏิทินเก่าๆ ไร้ค่าใบนี้ ..มันซ่อนความห่วงหาอาลัย
ซ่อนความเงียบเหงา ว้าเหว่ ..ซ่อนความเจ็บปวด ร้าวลึก ของคนแก่คนหนึ่ง ที่ต้องใช้ชีวิต อยู่อย่าง
โดดเดียว เพียงลำพัง มานานกว่า 10 ปี ...
.......................................................เราตั้งใจจะเก็บปฏิทินนี้ไว้ เพื่อเป็นที่ระลึก...ตลอดไป...
*** .............ขอให้บุญกุศล และคุณงามความดี ทั้งหลายทั้งปวง ที่คุณลุงได้สั่งสมมาตลอดชั่วชีวิต
จงนำพาดวงวิญญาณอันบริสุทธิ์ของคุณลุง ไปสู่สุคติ..ในดินแดน อันสงบ ร่มเย็น .....................
........................................................................................................ ชั่วนิรันดร์.......
.......รักคุณลุงครับ
จากคุณ : ไว้อาลัย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)